ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รองประธานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สนอว.) ครั้งที่ 3/2564 ในรูปแบบการประชุมออนไลน์ โดยในวันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2564 – 2570 ฉบับปรับปรุง 2566 – 2570 และ (ร่าง) แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 ภายใต้กรอบนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน. พ.ศ. 2566 – 2570 ) ของประเทศไทย โอกาสนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570
รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมว่า (ร่าง) แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 ดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์เพื่อ “พลิกโฉมให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้วยเศรษฐกิจ สร้างคุณค่า และพร้อมก้าวสู่อนาคต ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย โดยการสานพลังหน่วยงานในระบบ ววน. รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม” โดยผลกระทบในภาพรวมที่ตั้งเป้าหมายจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม (ร่าง) แผน ววน. ฉบับนี้ คือ
1.ประเทศไทยเป็น 1 ในผู้นำเทคโนโลยี (Front-Runner) ในระดับสากลสำหรับสาขาเป้าหมายของประเทศ และในระดับอาเซียนสำหรับอุตสาหกรรมและบริการใหม่แห่งอนาคต
2.กำลังคนของประเทศมีผลิตภาพและศักยภาพสูงขึ้นด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศ
3.ปริมาณงบลงทุนด้านวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการกระตุ้นของการลงทุนของภาครัฐ และนโยบายหรือมาตรการด้าน อววน.
4.สังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนเป้าหมาย มีความตระหนักรู้ในความสำคัญ ประโยชน์ และคุณค่าจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
5.ประเทศไทยมีอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) ที่สูงขึ้น อยู่ใน 35 อันดับแรก
6.ประเทศไทยมีอันดับดัชนีความยั่งยืน (SDG Index) ที่สูงขึ้น อยู่ใน 35 อันดับแรก
ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะรองประธานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติคนที่สองให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ขอให้แผนทั้ง 2 ฉบับ เพิ่มเติมเป้าหมายที่มีความท้าทาย เมื่อสิ้นสุดปี 2570 ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากกับดักจากรายได้ปานกลางและก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่ ศ.นพ. สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวเสริมว่าใน (ร่าง) แผน ววน.ฯ นี้ สอดคล้องกับนโยบาย กสว. โดยมุ่งเน้นการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์มากขึ้น เน้นงานปลายทางมากขึ้นและให้ความสมดุลระหว่างงบประมาณ เพื่อสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) กับงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) ภายใต้กลไกการจัดสรรงบประมาณต่อเนื่อง (Multi-year) และเน้นการแสวงหาแหล่งทุนจากภายนอกมากขึ้น
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ยังเห็นควรให้มีการปรับเพิ่ม แผนงานสำคัญตามจุดมุ่งเน้นของนโยบาย (Flagship) ของแผนด้าน ววน. ใน 3 ประเด็นหลัก คือ การพัฒนาพลังสะอาด การลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก อย่างในกรณีเรื่องความเหลื่อมล้ำ ถือเป็นปัญหาที่ฉายชัดขึ้นในวิกฤตโควิด-19 และเชื่อมโยงกับปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน.มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยหลังจากการประชุมในวันนี้จะมีการนำ (ร่าง) แผน ววน.ฯ ดังกล่าว ให้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป