เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME และ รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.ลงนามในสัญญาโครงการร่วมลงทุนบริษัทวิศวกรรมพลังงานภายใต้ชื่อ “บริษัท ไพร์ม อินดัสเทรียล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด” หรือ PIE ณ ห้อง 501 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่
PIE มีเป้าหมายในการประกอบธุรกิจด้านพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency) เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม การเปลี่ยนและปรับปรุงอุปกรณ์ หรือเครื่องจักรในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมถึงการติดตั้งระบบบริหารและจัดการพลังงาน (Energy Management System) เพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพนำไปสู่นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industrial Estate) โดย PIE จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของ กนอ. ตามแผนวิสาหกิจเกี่ยวกับด้านการลดก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ที่ตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 2.5 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ภายใน 5 ปี (พศ. 2564 – พศ. 2568) หรือเทียบเท่าการปลูกป่าปีละกว่า 400 ไร่ ทั้งนี้โรงงานในการกำกับดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 5,000 โรงงาน
ระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป
PRIME เป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทยมากว่า 10 ปี โดยคณะผู้บริหารและพนักงานที่มีความรู้ความสามารถในด้านพลังงานทดแทน ด้านวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่พัฒนาและดำเนินการขายไฟฟ้าแล้วรวมกว่า 145 MW ในประเทศไทย และมีการพัฒนาโครงการในประเทศอื่น ๆ กว่า 400 MW เช่น โครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น, โครงการ Cambodia National Solar Park ในประเทศกัมพูชา, โครงการโซลาร์คลองชลประทาน โครงการโซลาร์โรงเรียน โครงการโซลาร์บ่อเลี้ยงปลาในประเทศไต้หวัน เป็นต้น จึงทำให้ PRIME เติบโตเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนชั้นนำของประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม PRIME ยังได้นำเอาความเชี่ยวชาญมาต่อยอดในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งช่วยตอบโจทย์ภาคเอกชนที่มีความต้องการที่จะประหยัดพลังงาน และนำ Internet of Thing (IoT) มาช่วยบริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคารและโรงงาน ซึ่งลูกค้าของ PRIME มีความหลากหลายทางธุรกิจ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ห้างสรรพสินค้า โรงงาน หรือโรงพยาบาล เป็นต้น และในอนาคตทาง PRIME มีแผนธุรกิจที่จะไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และลดภาวะโลกร้อน (Global Warming) สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ส่งต่อสังคมสีเขียวสู่คนรุ่นหลังต่อไป