‘นายณ์ เอสเตท’ เปิด 3 ความสำเร็จบูมตลาด ‘บูทีค ทาวน์โฮม’ กลางเมือง ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นยืดหยุ่นพร้อมปรับเปลี่ยนตามชอบ เผยราคา 5-7 ล้านยังครองใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีบ้าน ล่าสุดเดินหน้าพัฒนา ‘เฌอคูน สุขุมวิท 77’ มูลค่าการลงทุนกว่า 700 ล้านบาท คาดก่อสร้างเสร็จสิงหาคมปีนี้ ชี้ผลงานยอดขายในวันเปิดตัวมากกว่า 30%
นายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาด บูทีค ทาวน์โฮมว่า ในปี 2565 ยังเป็นโอกาสของตลาด “บูทีค ทาวน์โฮม” ทำเลในเมือง จากพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การมองหาบ้านหลังแรกไม่ใช่คอนโดมิเนียมอีกต่อไป แต่เป็นการเริ่มมองพื้นที่ของการอยู่อาศัยที่กว้างขึ้นเพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาวได้นานขึ้น ทำให้ทาวน์โฮมเข้ามาเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของการเลือกและตัดสินใจซื้อ
“กลุ่มลูกค้าในตลาดนี้เป็นการซื้อเพื่ออยู่จริง และยังเป็นเซ็กเม้นท์ที่เติบโตได้แม้ว่าในภาพรวมของตลาดอสังหาฯ จะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี หากเจาะลึกลงไปในแต่ละเซ็กเม้นท์ของตลาดทาวน์โฮมจะพบว่า ความต้องการของคนที่มองหาบ้านทาวน์โฮม ให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับการออกแบบที่ต้องปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่ มีความปลอดภัยสูงรวมถึงโครงการอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้หลายรูปแบบทั้งระบบขนส่งสาธารณะ และ รถยนต์ส่วนตัว” นายสุธี กล่าว
โดยความสำเร็จในแต่ละโครงการ “บูทีค ทาวน์โฮม” ที่ “นายณ์ เอสเตท” ดำเนินงานมุ่งเน้นความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ ทำเลกลางเมืองเดินทางสะดวก ดีไซน์สวย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่คนทำงาน 25-40 ปี และราคาจับต้องได้
ในด้านของทำเลที่ตั้ง โครงการเฌอคูน สุุขุมวิท 77 ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเข้าออกได้หลายทาง หรือการโดยสารสาธารณะ เพราะตัวโครงการอยู่ในทำเลรถไฟฟ้าสายศรีนครินทร์ สายสุขุมวิทช่วยเชื่อมต่อการใช้ชีวิตให้ ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT ศรีนครินทร์ 38 เพียง 900 เมตร และ สถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช 5 กม. สำหรับคนที่เดินทางรถยนต์ส่วนตัวจะใช้จุดทางด่วนบางนา 7 กม. ด่านสุขุมวิท62 7 กม. และ ด่านบางจาก ที่อยู่ห่างประมาณ 8 กม. ส่วนคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการชอปปิ้ง เฌอคูน จะอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ และ พาราไดซ์ พาร์ค แม็คโคร ศรีนครินทร์และ เซ็นทรัลบางนา 6 กม. นอกจากนี้ยังอยู่ในรัศมีการเดินทางที่สะดวกไปยังโรงพยาบาลสินแพทย์ , โรงพยาบาลไทยนครินทร์ และโรงพยาบาลบางนา
และอีกหนึ่งความสำเร็จของ “บูทีค ทาวน์โฮม” โครงการนี้มาจากแนวคิดของโครงการ Warm Mullion การใช้เส้นสายที่เป็นองค์ประกอบของตัวบ้าน การใช้แสงและเงาเข้ามาในตัวบ้านเพื่อให้เกิดความสมดุลในการอยู่อาศัย ขณะที่ภายในตัวบ้านออกแบบให้มีหน้ากว้าง 5.5 เมตร จอดรถได้ 2 คัน รวมถึงมี Cross ventilation เพื่อให้ลมไหลเวียนผ่านตัวบ้าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการต่อเติมในอนาคต
“การออกแบบเพื่อรองรับการต่อเติมในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญมากและเป็นหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัย หรือเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ซี่งสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตของคนในสังคมส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตและทำงานที่บ้านมากขึ้น”
สำหรับเฌอคูน สุขุมวิท 77 มีพื้นที่โครงการรวม 13 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟส 1 มี ทั้งหมด 45 แปลง สามารถทำยอดขายในวันเปิดตัวมากกว่า 30% , เฟส 2 และ เฟส 3 ซึ่งเป็นโครงการที่รอการพัฒนาในอนาคต ในราคาเริ่มต้น 4.89 ล้านบาท เป็นราคาในระดับคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองแต่ได้พื้นที่การอยู่อาศัยที่มากกว่า ทำให้โครงการในรูปแบบของ “บูทีค ทาวน์โฮม” กลายมาเป็นทางเลือกที่ดี และอยู่ในความสนใจของคนซื้อบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 5-7ล้านบาทที่ยังขยายตัวได้ดีในปีนี้ ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกับข้อมูลวิจัยจาก คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ที่ระบุถึง ตลาดบูทีค ทาวน์โฮม ช่วงระดับราคา 5.0-7.5 ล้านบาทว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยพบว่ามีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในตลาดที่ 2,280 ยูนิต หรือคิดเป็น 6.9% ของอุปทานทาวน์โฮม ทั้งหมดในตลาด นับเป็นสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับช่วงระดับราคาอื่น ๆ
นอกจากนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มบูทีค ทาวน์โฮม ยังมาจากกลุ่มลูกค้าที่เคยสนใจซื้อคอนโดมิเนียม เปลี่ยนการตัดสินใจมาซื้อทาวน์โฮมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 หลายบริษัทมีนโยบายให้พนักงานหยุดอยู่บ้าน หรือ Work from home ทำให้มองหาที่อยู่อาศัยในขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาหลายโครงการสามารถปิดขายยอดการขายได้เกินจากเป้าที่วางไว้