ถ้านักธุรกิจชาวต่างชาติ ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนต่อประเทศไทยแล้ว แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยอย่างแน่นอน
ตัวอย่างนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ชื่อ มิสเตอร์ โคทะโร มะรุ ที่ทำธุรกิจหลายอย่างในเมืองไทยมากว่า 20 ปี และรักเมืองไทยเป็นชีวิตจิตใจ แต่ล่าสุด มิสเตอร์ โคทะโร มะรุ กลับถูกบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านพักอาศัย ทิ้งงานที่เขาได้จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว โดยเรื่องนี้เป็นคดีความและศาลตัดสินให้ทางผู้รับเหมา ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อ มิสเตอร์ โคทะโร มะรุ เป็นจำนวนเงิน 1.6 ล้านบาท
แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะทางจำเลยคือผู้รับเหมา มีทีท่าบ่ายเบี่ยงที่จะมาเจรจากำหนดคืนเงินต่อมิสเตอร์ โคทะโร มะรุ ทั้งที่ สน.ท้องที่เกิดเหตุคือ สน.ลาดกระบัง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานติดต่อกับทางผู้รับเหมาว่าจะชดใช้เงินมัดจำเมื่อไหร่ แต่ทางผู้รับเหมากลับนิ่งเฉย ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำการเจรจาแต่อย่างใด โดยทางมิสเตอร์ โคทะโร มะรุ มีหลักฐานในการพยายามติดต่อกับผู้รับเหมารายนี้ตลอด แต่ก็ไม่มีสัญญาณที่สร้างความเชื่อมั่นว่าทางผู้รับเหมา จะยอมมาเจรจา
ดังนั้นทางมิสเตอร์ โคทะโร มะรุ จึงร้องต่อสื่อมวลชน ให้เป็นตัวกลางในการนำเสนอเรื่องนี้ต่อสาธารณะชน เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ต่อคนทั่วไป และหากว่าทางผู้รับเหมารายดังกล่าวรับทราบแล้ว ก็ให้มาเจรจาว่าจะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร และเมื่อไหร่
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ นับว่ามีผลเสียหายในเรื่องความเชื่อมั่น ต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ เพราะมิสเตอร์ โคทะโร มะรุ เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยมาหลายปี โดยปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการบริษัท ลิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งในอดีตได้ทำธุรกิจหลายอย่างในประเทศไทย เช่น เป็นผู้เคยบุกเบิกสวนสนุกหิมะในร่มขนาดใหญ่ สโนว์ทาวน์ ไทยแลนด์ ในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งแรกในประเทศไทยจนเป็นที่ฮือฮานักข่าวทุกสายทั่วประเทศทั้งในไทยและต่างประเทศมาทำข่าวและครอบครัวดาราชื่อดังมาใช้บริการอย่างมากมายในอดีต มิสเตอร์ โคทะโร มะรุ เป็นนักธุรกิจที่เปิดบริษัทในไทยเพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศและอาศัยอยู่กับภรรยาคนไทยในประเทศไทย และมีใบอนุญาตและวีซ่าประกอบการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด ที่สำคัญเขามีเพื่อนชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ทำธุรกิจในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่ควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะชื่อเสียงของประเทศไทยนั้น สำคัญต่อนักลงทุนชาวต่างชาติอย่างมาก
คุณมะรุ กล่าวทิ้งทายว่า “ผมรักประเทศไทยและเคารพวัฒนธรรมไทยมา 20 ปี แต่ดูเหมือนไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้แม้ว่าจะมีคนมาหลอกลวงผมก็ตาม กรณีนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์แก่บุคคลทั่วไปเพิ่มความระมัดระวังจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อเหมือนที่ผมโดนมา ซึ่งตอนนี้รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมากว่าจะได้รับการชดใช้จากจำเลยหรือไม่ จึงอยากวิงวอนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมตตาหาทางช่วยเหลือตนให้ได้รับความยุติธรรม อย่างน้อยก็ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ ที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ขอฝากสื่อมวลชนช่วยกระจายข่าวนี้ และเป็นกระแสปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรับผิดชอบ และเรียกร้องความยุติธรรมต่อผู้ว่าจ้างและผู้ที่ต้องการสร้างบ้านไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างชาติ และหวังว่าข่าวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ขอให้ช่วยแชร์และบอกต่อด้วยครับ ขอบคุณมากครับ”