“DTPRM” ปลื้มกระแสตอบรับดีมากของ “กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน” หรือ DTPHREIT ลงทุนโรงแรมดังและอพาร์ทเมนต์สุดหรู ปิดขายหน่วยได้ทั้งหมดเต็มจำนวน สะท้อนคุณภาพทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูงของกลุ่ม MQDC รวมถึงเงื่อนไขเจ้าของทรัพย์เดิมตกลงรับซื้อทรัพย์สินคืนหลังจบปีที่ 3 นับจากวันปิดกองฯ พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนสูง 7% ต่อปี เล็งซื้อทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพิ่ม รุกออกกองใหม่เสิร์ฟนักลงทุนไตรมาส 2-3 ปี 2566
นางสาววนิดา สุขสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (DTPRM) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารกองทรัสต์ ในเครือบริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส จำกัด (DTP) เปิดเผยว่า “กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน” หรือ DTPHREIT ซึ่งได้ทำการเสนอขายหน่วยทรัสต์ ไปเมื่อวันที่ 19- 23 กันยายน 2565 ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีอย่างมากจากนักลงทุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) ที่จองซื้อผ่านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) (มหาชน) ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย รวมทั้งผู้ลงทุนสถาบันสนใจจองซื้อเช่นกัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพของทรัพย์สิน
กองทรัสต์ DTPHREIT มีมูลค่าโครงการ 4,107 ล้านบาท หลังจากปิดขายแล้ว เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ทางกองฯได้เข้าลงทุน ในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ในทำเลศักยภาพสูงของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ดีเวล็อปเมนต์ ควอลิตี้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ได้แก่ 1. ลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) 2. เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ และงานระบบต่างๆ ในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) และ 3. ลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai)
ทั้งนี้ กองทรัสต์ DTPHREIT เป็นประเภท REIT buy-back ที่มีข้อตกลงในการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิมเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 ในราคาเท่ากับราคาที่กองทรัสต์เข้าลงทุนนับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน “บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับอย่างดีมากกับกองทรัสต์ DTPHREIT ด้วยความมั่นใจ ทั้งนี้ เราเปิดกองทรัสต์ที่เน้นศักยภาพของทรัพย์สินที่เข้าลงทุน อีกทั้งการที่เจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) มีข้อตกลงซื้อคืน และการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับเพื่อนำไปบริหารต่อพร้อมกับกำหนดให้จ่ายค่าเช่าให้กองทรัสต์ในอัตราที่แน่นอนทั้ง 3 โครงการไว้ประมาณ 217.49 ล้านบาทต่อปี ทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT มีรายได้ที่แน่นอนและสม่ำเสมอ สามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตราคงที่ 7% ต่อปี โดยมีการจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนทุกไตรมาส ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในกองทรัสต์ DTPHREIT” นางสาววนิดา กล่าว
อย่างไรก็ตามกองทรัสต์ DTPHREIT ไม่ได้นำหน่วยทรัสต์เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นการเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) หากผู้ถือหน่วยทรัสต์ต้องการขายออกสามารถติดต่อผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และบล.ดาโอ (ประเทศไทย) (มหาชน) ซึ่งถือเป็นตลาดรองในการซื้อขายสำหรับผู้ที่ต้องการขายเปลี่ยนมือ
“กองทรัสต์ DTPHREIT ถือเป็นการนำร่องในการจัดตั้งกองทรัสต์ของกลุ่ม MQDC ซึ่งได้รับผลตอบรับจากตลาดที่ดีมาก ทำให้เจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) มีแผนนำทรัพย์สินในกลุ่มมาจัดตั้งกองทรัสต์เพิ่ม ขณะเดียวกันเราเองก็มีแผนขยายขนาดกองทรัสต์ DTPHREIT หรือออกกองที่เป็น REIT buy-back และออกกองทรัสต์ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อขยายโอกาสและเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนให้กับนักลงทุน ซึ่งคาดว่าจะทยอยออกมาในไตรมาส 2-3 ปี 2566 โดยอาจจะเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทคอมเมอร์เชียลและโรงแรม” นางสาววนิดา กล่าว ทั้งนี้ ทรัพย์สินกองทรัสต์ DTPHREIT ถือเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่สูงมาก ทั้งทำเลที่ตั้งและคุณภาพ และเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญกับกลุ่มบริษัท MQDC ในอนาคต การเปิดกองถัดๆไป ก็จะพิจารณาเลือกลงทุนทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน น.ส. วนิดา กล่าว
