SCGD ปรับแผนรับความผันผวนตลาดโลก ความสามารถในการทำกำไรสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส รุกเวียดนามฐานผลิตหลัก-ขยายส่งออกตลาดใหม่

 บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีอัตรากำไรขั้นต้น 28.3% และ EBITDA on sales 15.2% สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส จากกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน การปักหมุดเวียดนามเป็นฐานผลิตหลัก หนุนปริมาณการขายเติบโต 21% เทียบ ไตรมาสก่อนหน้า พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่มและเสริมแกร่งการแข่งขันในภูมิภาค 

 นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยข้อมูลในงาน SCGD Opportunity Day การนำเสนอข้อมูลธุรกิจและผลการดำเนินงาน ประจำไตรมาสที่ 2/2568 วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ว่า “บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ปรับตัวเชิงรุก ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยผลประกอบการไตรมาส 2/2568  ไม่รวมค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างธุรกิจ บริษัทมี EBITDA on sales อยู่ที่ 15.2% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส อย่างไรก็ดี หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทสามารถเพิ่ม EBITDA และกำไรได้ 5% และ 19% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของตลาดเวียดนามที่ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการดำเนินมาตรการลดต้นทุนด้านพลังงาน วัตถุดิบ และเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะสร้างรากฐานสำคัญในการเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว”  

 SCGD ยังวางกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้าน เพื่อผลักดันการเติบโต ได้แก่ 

• หนุนเวียดนามเป็นฐานส่งออกหลัก พร้อมเปิดตลาดส่งออกใหม่ในสิงคโปร์ เม็กซิโก และสาธารณรัฐเช็ก 

• ขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนามเพิ่ม 5 ล้านตารางเมตรในปี 2568 หรือคิดเป็น 25% ของกำลังผลิตรวม 

• เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าในไทยที่มีราคาต้นทุนแข่งขันได้ โดยครึ่งปีแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 37% โดยเป็นสินค้ากลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

• ขยายพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงจาก 34% ในปี 2567 เป็น 37% ในปี 2568 

 นอกจากนี้ ยังเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ด้วยการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ และ Biomass ลดต้นทุนพลังงานได้ 36 ล้านบาทต่อปี พร้อมลดต้นทุนวัตถุดิบ 30 ล้านบาท และปรับโครงสร้างธุรกิจลดเงินทุนหมุนเวียนได้ 140 ล้านบาทต่อปี รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน 

 ความคืบหน้าการเติบโต 2 เท่าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 

• ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ โดยเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเป็น 177 ราย มียอดขายต่างประเทศ 244 ล้านบาท อีกทั้งมีการศึกษาโอกาสตลาดสุขภัณฑ์อัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

• ขยายยอดขายสินค้ากลุ่ม Decor surface โดย SPC เติบโต 39% 

• ขยายธุรกิจสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องในไทย มียอดขายครึ่งปีแรก 208 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน 

 “SCGD มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดเพียงพอ และเพื่อแสดงความมั่นใจในการเติบโต  

จึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มเป็น 0.15 บาทต่อหุ้น เพื่อดูแลผู้ถือหุ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน” นายนำพล กล่าว 

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง 2568 ตลาดเวียดนามยังคงฟื้นตัวดีจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะที่ในประเทศไทย แม้จะมีความท้าทายจากฤดูกาลหยุดยาว และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *