ทั่วโลกต่างให้ความสนใจการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน(CPC)ครั้งที่ 20 ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง กิจกรรมสำคัญทางการเมืองซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 5 ปีของจีนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการกำหนดอนาคตของประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อโลก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้กล่าว ณ การเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ว่า จีนยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ โดยยึดมั่นในเป้าหมายของนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งธำรงรักษาสันติภาพของโลก และส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันเสมอมา
โอกาสนี้ กร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน ได้แสดงความคิดเห็นต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่มีบทบาทต่อไทยและโลก รวมถึงความร่วมมือสองประเทศระหว่าง‘ไทย-จีน’ที่จะร่วมสร้างอนาคตใหม่ด้วยกันไว้อย่างน่าสนใจ
• จีนย้ำจุดยืนอยู่ร่วมกันกับสังคมโลกอย่างสันติ และเดินไปข้างหน้าด้วยกันเพื่อความเจริญรุ่งเรือง
“การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” หรือ Peaceful Co-Existence เป็นคำที่จีนได้เน้นย้ำในการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 กร ทัพพะรังสี กล่าวว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ก้าวมาเป็นผู้นำจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และได้นำเสนอข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ“อีไต้อีลู่” (Belt and Road Initiatives) ซึ่งจีนพร้อมเปิดกว้างสู่ประชาคมโลก ครั้งนี้จึงนับเป็นการออกมาเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า จีนจะอยู่ร่วมกันกับสังคมโลกโดยสันติ และเดินไปข้างหน้าด้วยกันเพื่อความเจริญรุ่งเรือง “ครั้งนี้ ท่านสี จิ้นผิงได้ออกมาย้ำอีกครั้งว่า Belt คือ “Belt of Peace” ส่วน Road คือ “Road to Prosperity” หมายถึงการเชื่อมโยงกันไว้ด้วยสันติภาพ และเดินไปสู่บนถนนที่นำไปสู่ความเจริญร่วมกันกับสังคมโลก” นอกจากนี้ จีนยังได้ย้ำถึงการมีส่วนร่วมกับสังคมโลกในการช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ลดมลภาวะที่เป็นพิษ เพื่ออนาคตของโลกที่ดีขึ้น ซึ่งจีนมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ. 2050 อีกทั้งจึงยังได้ย้ำถึงการพัฒนาชาติบ้านเมืองเพื่อก้าวไปสู่อนาคต โดยการใช้นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาร่วมกันของโลก
“ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สังคมโลกได้ประจักษ์ถึงความสำเร็จในการพัฒนาของจีน จีนทำได้จริงที่จะแก้ปัญหาความยากจน ยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ภายใต้การนำของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีความจริงใจที่จะพัฒนาชีวิตของประชาชนจีนให้ดีขึ้น และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว จีนยังพร้อมที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ แบ่งปันโอกาสความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาแก่ประเทศอื่น ๆ ในโลกให้สามารถหลุดพ้นจากปัญหาความยากจน ร่วมผลักดันประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ” กร ทัพพะรังสี กล่าว
‘จีน-ไทย’ พร้อมเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือ แม้พรมแดนไม่ติด แต่สัมพันธ์ใกล้ชิด ที่ผ่านมา ประเทศจีนและประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตมาเป็นระยะเวลา 47 ปี ได้กระชับความร่วมมือในด้านทางการทูต เศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงด้านวัฒนธรรมการท่องเที่ยวอย่างแน่นแฟ้นมาโดยตลอด การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ของจีน จึงไม่เป็นเพียงการเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่ในการสร้าง “จีน” ให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่เข้มแข็งและทันสมัยทุกด้าน แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ไทยจีนที่พร้อมเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือ เพื่อก้าวสู่อนาคตที่เปิดกว้างร่วมกัน
กร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน กล่าวว่า ไทยและจีนมีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิด ดังคำกล่าว“จีนไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” หรือ “จงไท่อี้เจียชิน” ถึงแม้จะไทยและจีนไม่มีชายแดนติดต่อกัน แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเหมือนพี่น้องครอบครัวเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ผมได้ยินจากผู้นำทุกสมัยตลอดระยะเวลา 47 ปีที่ไทยและจีนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันล่าสุด หนึ่งในความร่วมมือสำคัญ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเร่งรีบ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างเป็นรูปธรรม คือ โครงการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งขณะนี้รถไฟจีน-ลาว ได้เชื่อมต่อกันแล้ว ต่อไปจะมาเชื่อมต่อกับไทย และในอนาคตอาจจะเชื่อมต่อไปถึงมาเลเซียและลงไปที่สิงคโปร์อีกด้วย “ ผมใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเราจะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงเดินทางไปมาหาสู่กัน จากสถานีกลางบางซื่อที่กรุงเทพฯ ไปถึงเมืองคุณหมิง ประเทศจีน นี่คือเป้าหมายที่ผมคิดไว้ในใจ และเชื่อว่าจะทำได้แน่นอนในอนาคต”
กร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน ยังกล่าวด้วยว่า ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน และในปีหน้าจะครบรอบ 20 ปีของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ประเทศไทยและจีนยินดีที่จะดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและวิสัยทัศน์ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อสร้างมิติใหม่ของ“จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”