วันพุธที่ 28 กันยายน 2565 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ที่ปรึกษาคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีมอบพัดรองที่ระลึกและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ณ อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ กล่าวว่า กรมการศาสนา ได้จัดโครงการยกย่องผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ด้วยการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ เป็นต้นมา โดยในปีพุทธศักราช ๒๕65 นี้ มีผู้ได้รับการคัดเลือก จำนวน ๑๖๐ ราย ซึ่งจะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีฯ ในวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๖ ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
และเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ได้รับการคัดเลือก กรมการศาสนาจึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาขึ้น เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาในแต่ละภูมิภาค และจัดพิธีมอบพัดรอง ที่ระลึกและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ที่ปรึกษาคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา มอบสิ่งของแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ได้แก่ พัดรอง (บรรพชิต) จำนวน 101 รูป และเข็มเชิดชูเกียรติ (คฤหัสถ์) จำนวน 59 คน โดยกรมการศาสนาหวังว่าผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมสู่สังคม สร้างพลังในการสืบสานให้พระพุทธศาสนายั่งยืนสืบไป
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เป็นผู้ที่มีคุณูปการในด้านการทำนุบำรุงส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างของการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีมีจิตสาธารณะ ได้ประสานเชื่อมโยงเครือข่ายทางศาสนา ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา สังคมและประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมให้บุคคล ครอบครัว ชุมชนและหน่วยงานมีคุณธรรม และร่วมกันส่งเสริมให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน สมควรได้รับการยกย่องคุณความดีด้วยการประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน จึงได้ประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำความดี ตลอดถึงเป็นแบบอย่างที่ดีของอนุชนต่อไป.