วิธีเลือกคาร์ซีท Car Seat ให้เหมาะกับลูกน้อยแรกเกิด
ลูกน้อยเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของคุณพ่อ และคุณแม่ ยิ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ป้ายแดงด้วยแล้วยิ่งต้องการทะนุถนอมแก้วตาดวงใจดวงนี้แบบสุดชีวิตกันเลยทีเดียว แน่นอนล่ะ การมีลูกหญิงเอาไว้สืบเชื้อสาย มีลูกชายเอาไว้สืบสกุล คุณพ่อ คุณแม่จึงต้องปกป้องลูกน้อยกันตั้งแต่อุแว้ๆๆแบเบาะตอนออกจากโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว และคุณพ่อ คุณแม่หลายๆคน หรือแทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ อาจเข้าใจว่าการอุ้มลูกน้อยในวัยแรกเกิดออกจากโรงพยาบาล ด้วยการอุ้มไว้กับอกของตนเองนั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่านั่นอาจวิธีการคิดที่ไม่ถูกต้องนักหรืออาจไม่ปลอดภัยเลยสำหรับลูกน้อยตัวเล็กแบเบาะ เผลอ ๆบางทีอาจทำให้ทั้งคุณแม่ และลูกน้อยได้รับบาดเจ็บ อาจเพียงเล็กน้อย ถึงขั้นอาการสาหัสหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบไม่คาดคิด ดังนั้น การมีคาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยติดไว้ในรถเพื่อความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งจำอย่างมาก เพราะคาร์ซีทหรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน ช่วยลดความเสี่ยง ลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์บนท้องถนนได้ ตรงนี้เองไม่ได้เป็นคำโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณใดๆ แต่เพราะสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้จริงจากงานวิจัยของหลายๆหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และการทดสอบ ทดลองจากสถานการณ์จริงในห้องปฏิบัติการ หลายเคสที่ทำออกมาเพื่อยืนยันว่าการใช้คาร์ซีทนั้นจะช่วยปกป้องเด็กน้อยให้มีความปลอดภัยอย่างมากถึงมากที่สุดในขณะเดินทางด้วยรถยนต์
สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ป้ายแดงที่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือกำลังมีไอเดียในการจะเลือกซื้อคาร์ซีทให้กับลูกน้อยแสนรัก วันนี้ผมได้พบบทความหนึ่งจากคุณหมอทางด้านกุมารเวชศาสตร์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด พร้อมคำแนะนำและคำตอบสำหรับข้อสงสัยหลายๆข้อ หรือสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะมาให้ความรู้และฝากกันในบทความนี้แล้ว รวมทั้งในตอนท้ายเรายังได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับโรงงานผู้ผลิตคาร์ซีทที่ใช้เทคโนโลยีเยอรมัน พร้อมใบรับรองมาตรฐานจากยุโรป และเป็นผู้แทนจำหน่ายในเมืองไทยได้เอื้อเฟื้อสินค้ามาให้เราได้นำเสนอกันอีกด้วย ทว่าคุณพ่อ คุณแม่ได้อ่านบทความจบแล้วคุณจะได้รับทั้งความรู้ ความเข้าใจอย่างแจ่มชัด และได้รับความสะดวกในการเลือกซื้อคาร์ซีทได้อย่างถูกต้องเหมาะกับลูกน้อยแสนรักของตน เพราะไม่ต้องไปเดินตามห้างเพื่อเปรียบเทียบให้เสียเวลา ยิ่งภาวะน้ำมันขึ้นราคาแบบฉุดไว้ไม่อยู่ด้วยแล้ว การมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือนี้จะทำให้เป็นประโยชน์แก่คุณพ่อคุณแม่อย่างมากมายทีเดียว ตามมาดูคำแนะนำของคุณหมอ และวิธีการเลือกรุ่นของคาร์ซีทกันเลยว่ามีวิธีการอย่างไรให้เหมาะกับลุกน้อยของเรา ติดตามมาเลยครับ
คุณหมอท่านนี้ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จากมหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับวุฒิบัตรสาขากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี พ.ศ. 2563 เช่นเดียวกัน และท่านเองยังมีประสบการณ์ในด้านการเขียนบทความและให้ความรู้ผ่านคลิปวีดีโอต่างๆมากมาย จึงขออนุญาตนำบทความบางส่วนของท่านมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้คุณพ่อ คุณแม่ต่อไป
ในประเทศไทยได้เริ่มมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการจราจรกำหนดว่า ให้คนขับและคนนั่งต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งการคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาซับซ้อนอะไร เพราะทุกคนเคยชินกันมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว แต่ทว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่เด็กแรกเกิด ถึงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั้นสรีระร่างกายยังไม่สมบูรณ์มากพอที่จะรัดเข็มขัดนิรภัย โดยเฉพาะเด็กทารกแรกเกิดที่ยังมีกะโหลกศีรษะ กระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ ควรเลือกหาเลือกซื้อคาร์ซีทมาไว้ให้เด็กได้ใช้งาน เพื่อความเหมาะสมกับสรีระ และความปลอดภัยขั้นสูงสุดนั่นเอง ทั้งนี้ เพราะรุ่นและยี่ห้อของคาร์ซีทที่มีขายกันในปัจจุบัน ก็ได้แบ่งออกเป็นหลายชนิดตามแต่ช่วงอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และขนาดตัวของเด็กน้อย ซึ่งบทความนี้เราจะกล่าวลงในรายละเอียดของการเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดกันก่อนเป็นอันดับแรก
คุณหมอได้แนะนำเกี่ยวกับคาร์ซีทไว้ว่า คาร์ซีท (Car Seat) คือ ที่นั่งเสริมในรถสำหรับเด็ก มีไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย มีหน้าที่ลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากขนาดตัวและสรีระของเด็กในแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกัน เข็มขัดนิรภัยจึงไม่อาจสามารถปกป้องได้อย่างเต็มที่ เราจึงสามารถแบ่งประเภทของคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด – เด็กน้อยวัยกระเตาะได้ตามช่วงอายุและน้ำหนักดังนี้
1. Rear-Facing มีลักษณะหันเข้าหาเบาะด้านหลัง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 0 – 1 ปี และน้ำหนักไม่เกิน 10 กก.
2. Forward-Facing เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 – 7 ปี และน้ำหนักมากกว่า 9 กก.
3. Booster เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4- 12 ปี และมีน้ำหนักตัวประมาณ 15 – 18 กก.
4. Seat Belt เหมาะสำหรับเด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวมากกว่า 20 กก. ขึ้นไป
ตามกฎหมายใหม่ของไทยเรา ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 คุณพ่อ คุณแม่จะต้องให้ลูกน้อยแรกเกิด ถึงอายุ 6 ขวบ นั่งในที่นั่งนิรภัยที่มีความปลอดภัยที่สุด หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท และจะสามารถหยุดการใช้คาร์ซีทได้เมื่อเด็กมีอายุมากกว่า 6 ขวบ และเด็กน้อยจะต้องสามารถนั่งตัวตรงหรือหลังพิงพนักพิงเองได้แล้ว อีกทั้งต้องมีความสูงมากพอที่สามารถนั่งห้อยขาได้พอดี และคาดเข็มขัดนิรภัยในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ ซึ่งเข็มขัดนิรภัยส่วนบนนั้นจะพาดทะแยงผ่านไหล่ กระดูกไหปลาร้ามาที่ส่วนหน้าอก และเข็มขัดส่วนล่างจะทาบกับกระดูกเชิงกราน
วิธีเลือก Car Seat คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กแรกเกิด ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง รุ่นไหนดีที่ปลอดภัย ได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน ติดตั้งง่าย และลูกน้อยจะสบายสุดๆเวลานั่ง จะได้ไม่งอแงและอารมณ์บูดเบี้ยว มาติดตามไปพร้อมๆกัน ว่าวิธีเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด จะเลือกอย่างไรให้ลูกน้อยปลอดภัย ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือต้องให้ลูกน้อยนั่งแล้วรู้สึกสบายตัวไม่อึดอัดด้วย
อันดับแรก เป็นที่ทราบกันดีว่าจุดประสงค์หลักของการใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดก็เพื่อความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งรายละเอียดที่จะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายเกี่ยวกับความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้นมีดังต่อไปนี้
เลือกจากสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพราะเนื่องจากปัจจุบันนี้ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยให้กับคาร์ซีทอย่างเป็นทางการเฉพาะเจาะจง ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่จึงควรเลือกซื้อโดยดูการอ้างอิงกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลที่น่าเชื่อถือได้แทนค่ะ เช่น FMVSS 213 ของประเทศสหรัฐอเมริกา, ECE R44/03, ECE R44/04 หรือ i-Size จากทางสหภาพยุโรป ซึ่งมักมีสัญลักษณ์ “E” ติดอยู่ที่ตัวบอดีคาร์ซีท หรือมีหน่วยงานอื่น ๆที่สร้างความมั่นใจ เช่น CCC เป็นต้น
ในที่นี้ จะพูดถึงสัญลักษณ์ “E” ที่ปัจจุบันเป็นมาตรฐานสากลของสหภาพยุโรปและใช้กันแพร่หลาย ดังนี้
1. ECE R44/04 เป็นมาตรฐานการรับรองของสหภาพยุโรป ใช้ติดตั้งได้กับรถทุกรุ่นทั้งญี่ปุ่น และรถยุโรป
2. ECE R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยคาร์ซีท ปัจจุบันใช้ควบคู่กันกับ ECE R44/04 โดยมีการเพิ่มเติมในเรื่องของตำแหน่งที่ติดตั้งในรถยนต์, มีการใช้ ISOFIX ที่ช่วยให้ติดตั้งได้ง่าย และลดความเสี่ยงจากการติดตั้งผิดวิธี แต่แบบ ISOFIX นี้จะใช้ติดตั้งได้กับรถบางรุ่น เช่น รถญี่ปุ่นต้องเป็นรุ่นหลังกลางปี 2014 เป็นต้น และมีการป้องกันแรงกระแทกด้านข้างได้ดียิ่งขึ้น (i-Size)
นอกเหนือไปจากการสังเกตหามาตรฐานรูปตัว E ที่เป็นระดับสากลแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ควรตรวจสอบเรื่องของความปลอดภัยที่โรงงานผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่ายแต่ละเจ้ามีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ซึ่งควรมีการศึกษาหาข้อมูลทำความเข้าใจอย่างดีก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยสุดที่รัก และควรหลีกเลี่ยงการซื้อคาร์ซีทมือสองเพราะอาจมีการชำรุด สภาพเสื่อมจากภายใน เกิดการกระแทกแตกหักมาแล้ว หรือติดเชื้อโรคบางชนิดที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ควรเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดที่มีสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล โรงงานผู้ผลิตจักต้องผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงได้มาตรฐาน มีการทดสอบการชนรับแรงกระแทกที่ตรวจสอบได้ มีการรับประกันการใช้งานและทดลองให้ลูกน้อยได้ทดลองนั่งดูก่อนการเลือกซื้อจะดีที่สุด
ภาพประกอบที่นำมาให้คุณพ่อ คุณแม่ดูนี้เป็นยี่ห้อ/แบรนด์ เมนคายด์ Meinkine รุ่น E 240 เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า“ ลูกน้อยของฉัน ” เป็นคาร์ซีทระบบติดตั้งแบบ
เข็มขัดนิรภัย Car’s Own Seatbelt ใช้ได้กับรถยนต์ทุกรุ่นเพราะสามารถใช้กับเข็มขัดนิรภัยที่มีในรถยนต์ทั้งยุโรป และญี่ปุ่น มีข้อดีคือ ประหยัดทั้งเงิน และเวลา ใช้เวลาในการติดตั้งน้อย ส่วนคุณสมบัติอื่นๆที่ผู้ผลิตได้อธิบายพอแยกย่อยเป็นสังเขปให้คุณพ่อ คุณแม่ได้รับทราบคือ
คุณสมบัติพิเศษที่เมนคายด์ คาร์ซีท Meinkind Car Seat มีให้คือ [German precision 8 years of quality]
1. มาตรฐานรับรองจากสหภาพยุโรป ECE R44/04, TUV, CQC ISO 9001, CCC
2. ตัวบอดี้ใช้วัสดุ EPP เกรดพรีเมี่ยม แบบเดียวกับที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์รถยนต์ของยุโรป
3. หัวหมุดล็อกติดเบาะ ทำจากวัสดุโลหะชั้นดี แบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งฟอร์มูลา วัน
4. สายรัดเป็นผ้าไนรอนอย่างดี เพื่อการระบายอากาศได้ดี
5. แผ่นรองสายรัดบริเวณไหปลาร้า เป็นวัสดุทำจากยางกัดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
6. เนื้อผ้าหุ้มเบาะเป็นวัสดุพิเศษ สัมผัสนุ่นสบาย ปลอดภัยสำหรับเด็ก
7. เนื้อผ้าพิเศษกันสะเก็ดไฟ ไม่มีกลิ่น และระบายอากาศได้ดี
8. เบาะหุ้มสามารถถอดซักน้ำได้ง่าย แห้งไวด้วยแสงแดดธรรมชาติ
9. วัสดุทุกชิ้นผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
10. มีฐานโค้ง โยกได้ เพื่อการผ่อนคลาย และเคลิ้มหลับของลูกรัก
• มีหลายรุ่น หลายสี หลายสไตล์ หลายราคา ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสมกับลูกน้อยแสนรัก
• เบาะนั่งใช้กับเด็กอายุตั้งแต่ 0–1 ปี, น้ำหนักแรกเกิด – 13 กิโลกรัม
• ระบบสายรัด 3 จุด เพื่อการป้องป้องที่ปลอดภัยของลูกน้อย
นอกจากนี้ เบาะรุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์ที่บังแสงแดด มีก้านสำหรับหิ้วลงจากรถได้สบาย น้ำหนักเบา เบาะนุ่มปกป้องศีรษะให้เหมาะกับสรีระของเด็กน้อยได้ด้วย จึงเหมาะกับลูกน้อยแรกเกิด – 1 ปี และเนื่องจากคาร์ซีทประเภทนี้มีวางขายกันอยู่หลากหลายรุ่น คุณพ่อ คุณแม่อาจเกิดความสับสนไปหมดว่าจะเลือกรุ่นไหน ยี่ห้อไหน แบรนด์ไหนดี ฉะนั้นแนะนำให้ศึกษาจากข้อมูลให้มากที่สุด แล้วค่อยเลือกใช้รุ่นที่ตรงความต้องการเหมาะกับลูกน้อยของคุณวิธีเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 1 – 6 ปี
ครั้งนี้จะพูดกันถึงเด็กโตขึ้นมาหน่อยคืออายุ 1 – 6 ปี ซึ่งก็จะมีคาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยอีกขนาดหนึ่งที่ผู้ผลิตได้คิดค้น และผลิตออกมาเพื่อให้สอดรับกับช่วงวัยของเด็กน้อย รวมถึงสรีระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสูงเบาะปรับระดับได้ อุปกรณ์ป้องกันการกระแทกด้านข้าง หรือแบบเบาะนั่งหมุนได้รอบทิศทาง เหล่านี้เป็นต้น และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับคุณพ่อ คุณแม่ได้รับรู้ถึงความปลอดภัยอย่างสูงสุดให้สมกับว่าลูกน้อยคือแก้วตาดวงใจอันเป็นสุดที่รัก
เรามาดูกันครับว่าวิธีการเลือกเบาะนั่งนิรภัย หรือคาร์ซีทที่จะเหมาะแก่ลูกน้อยวัย 1 – 6 ปี ควรมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้เป็นช่องทางในการเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องสำหรับลูกน้อย และเพื่อเป็นการไม่ให้คุณพ่อ คุณแม่สับสนในการเลือกซื้อ ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อจากบริษัทนำเข้าคาร์ซีทยี่ห้อ หรือแบรนด์เมนคายด์ Meinkind ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเยอรมัน และมีมาตรฐานรับรองจากยุโรปมาให้คุณพ่อ คุณแม่ได้ดูกันเพื่อเป็นต้นแบบและนำไปเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆตามอัธยาศัย
รุ่นทั้งหมดที่นำมาให้ชมเป็นตัวอย่างนี้ เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ ได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกใช้คาร์ซีท เพราะในไทยเราตัวกฎหมายกำหนดไว้แค่อายุแรกเกิด หรือ 0 – 6 ปี แต่ในต่างประเทศจะกำหนดช่วงวัยของหนูน้อยมากกว่านี้ เขาจึงทำไว้ถึงเด็กอายุ 12 ปีหรือมากกว่า แต่ก็เป็นทางเลือกสำหรับเด็กไทยบางคน ซึ่งปัจจุบันจะมีน้ำหนักมาก หรือตัวอ้วนมากกว่าปกติ ก็สามารถเลือกได้ตามสรีระของตัวเด็ก หรือจะเรียกได้ว่าซื้อทีเดียวสามารถใช้ได้ตามกำหนดช่วงวัยของเด็กที่รัฐบาลกำหนดไว้ในกฎหมาย ครอบคลุมตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ไม่ต้องซื้อบ่อยๆในช่วงภาวะแบบนี้
เมื่อคุณพ่อ คุณแม่ เลือกแบบที่ถูกใจ เลือกสีที่สบายอารมณ์คุณหนูๆ แล้วก็ดูเรื่องอายุของเด็ก รวมถึงน้ำหนักของเด็กด้วย จากนั้นก็ดูว่าคุณสมบัติอื่นๆ 10 ข้อที่เคยเกริ่นนำไว้แต่แรกแล้ว แต่หากคุณพ่อ คุณแม่ท่านใด ยังไม่ได้เห็น หรือได้อ่านบทความ ก็ขออนุญาตนำมาเล่าย้อนอีกที่ เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง คือ
คุณสมบัติพิเศษที่เมนคายด์ คาร์ซีท Meinkind Car Seat มีให้คือ [German precision 8 years of quality]
1. มาตรฐานรับรองจากสหภาพยุโรป ECE R44/04, TUV, CQC ISO 9001, CCC
2. ตัวบอดี้ใช้วัสดุ EPP เกรดพรีเมี่ยม แบบเดียวกับที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์รถยนต์ของยุโรป
3. หัวหมุดล็อกติดเบาะ ทำจากวัสดุโลหะชั้นดี แบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งฟอร์มูลา วัน
4. สายรัดเป็นผ้าไนรอนอย่างดี เพื่อการระบายอากาศได้ดี
5. แผ่นรองสายรัดบริเวณไหปลาร้า เป็นวัสดุทำจากยางกัดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
6. เนื้อผ้าหุ้มเบาะเป็นวัสดุพิเศษ สัมผัสนุ่นสบาย ปลอดภัยสำหรับเด็ก
7. เนื้อผ้าพิเศษกันสะเก็ดไฟ ไม่มีกลิ่น และระบายอากาศได้ดี
8. เบาะหุ้มสามารถถอดซักน้ำได้ง่าย แห้งไวด้วยแสงแดดธรรมชาติ
9. วัสดุทุกชิ้นผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
10. มีให้เลือกทั้งแบบ UNIVERSAL คือใช้ได้กับรถทุกร่นที่มีเข็มขัดนิรภัย และแบบ ISOFIX ใช้ได้กับรถบางรุ่น
• มีหลายรุ่น หลายสี หลายสไตล์ หลายราคา ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสมกับลูกน้อยแสนรัก
• เบาะนั่งใช้กับเด็กอายุตั้งแต่ 0–12 ปี, น้ำหนักแรกเกิด – 36 กิโลกรัม
• ระบบสายรัด 3 จุด และ 5 จุด เพื่อการป้องป้องที่ปลอดภัยของลูกน้อย
รายละเอียดต่างๆเหล่านี้เป็นความรู้เบื้องต้นที่จะให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เข้าใจและนำไปเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อยตามแต่กำลัง หรือตามแต่รสนิยมของแต่ละบุคคล ซึ่งราคาในปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่น หรือบางรุ่งหลักครึ่งแสนเลยที่เดียว ก็ขึ้นอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่จะตัดสินใจให้เหมาะสมกับลูกน้อยและฐานันดรของแต่ละท่านแต่ละบุคคล แต่ย้ำว่าอย่างเห็นแก่ของถูก ราคาต่ำเป็นสาระหลัก เพราะราคาเป็นตัวกำหนดวัสดุในการผลิตคาร์ซีท ยิ่งราคาต่ำๆอาจใช้วัสดุที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบ หรือวัสดุที่เกรดล่าง ทั้งตัวบอดี้ และโฟมกันกระแทก จะไม่สามารถซับแรงการกระแทกได้ดีเท่าที่ควร เหมือนกับหมวกกันน็อคที่มีมาตรฐานใบละหลักหมื่น แต่ถ้าเลือกใช้ใบละหลักร้อยก็อาจแตกหักง่าย และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และขอเน้นย้ำว่าคาร์ซีทมือสอง ควรละเว้นจะดีที่สุด เพราะด้วยความเสื่อมคุณภาพ และอาจมีเชื้อโรคที่ติดมากับตัวเบาะ ซึ่งทั้งสองประการเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในโอกาสต่อไปจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องหมายการรับรองของสหภาพยุโรปว่าสัญลักษณ์ต่างๆคืออะไร รวมถึงการติดตั้งแบบ BELT และ ISOFIX แตกต่างกันอย่างไร และติดตั้งบริเวณไหนของตัวรถที่ลูกน้อยจะปลอดภัยมากที่สุด โปรดคอยติดตามครับ
เรียบเรียงโดย เอก จักรพรรดิ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 089-108-8484