เปิดตัวโครงการ “คลองท่อมเฮอริเทจ” จ.กระบี่ มูลค่า 13,700 ล้านบาท ชูมหัศจรรย์น้ำพุร้อนเค็ม อ.คลองท่อม ประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพเป็นแห่งแรก ขานรับความพร้อมเป็น HUB เวลเนสโลก
คลองท่อมเฮอริเทจชูจุดขายความมหัศจรรย์จากทรัพย์ใต้ดิน “น้ำพุร้อนเค็ม”ค่าแร่ธาตุสูงที่สุดต่อยอดด้วยการนำมาออกแบบเป็นโปรแกรมการฟื้นฟูสุขภาพร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่เป็นแห่งแรกในโลก พ่วงบริการมาตรฐานระดับสากล ช่วยฟื้นฟูและบำบัดผู้มีปัญหา รวมถึงผู้รักสุขภาพแบบครบวงจร พร้อมเปิดรับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติร่วมปั้นโครงการมูลค่า 13,700 ล้านบาท เพื่อเป็น Word Health Destination แห่งใหม่
นายวิชัย พูลวรลักษณ์
ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อพูดถึงกระบี่สิ่งแรกที่ผู้คนนึกถึงมักจะเป็นทะเลที่สวยงาม แต่แท้จริงแล้วกระบี่ยังมีเพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนั่นก็คือ “น้ำพุร้อนเค็ม” เพราะแร่ธาตุและอุณหภูมิของน้ำพุร้อนเค็ม อำเภอคลองท่อม มีคุณสมบัติโดดเด่น ซึ่งเกิดจากน้ำทะเลที่ซึมลงชั้นใต้ดิน ผ่านชั้นหิน ในระดับความลึกที่มีแร่ธาตุมากมาย รสชาติน้ำไม่เค็มเหมือนน้ำทะเล แต่มีรสชาติเหมือนน้ำเกลืออ่อนๆ และไม่มีกลิ่นกำมะถันที่แรงเกินไป มีแร่ธาตุหลักคือ โซเดียม คลอไรด์ และแร่ธาตุอื่นๆ อย่าง ซิลิก้า โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์บอเนต โดยมีค่าแร่ธาตุรวมที่มีประโยชน์หรือ TDS อยู่ที่ 11,690 ในปริมาณที่สูงกว่าค่ามาตรฐานทั่วไปที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ระดับ 1,000 – 2,000 เท่านั้น ซึ่งน้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมมีคุณสมบัติช่วยเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบของข้อ เบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท การย่อย และโรคทางผิวหนัง ปัจจุบันได้เริ่มมีแพทย์ทางเลือกนำน้ำพุร้อนเค็มมาช่วยเสริมการแพทย์สมัยใหม่ โดยมีนักกายภาพ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และแพทย์เฉพาะทางมาออกแบบการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ กันมากขึ้น โดยที่โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) ถือเป็นแห่งแรกที่นำน้ำพุร้อนเค็มมาออกแบบเป็นโปรแกรมการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีการผนวกเข้ากับการบริการด้านเวลเนสมาตรฐานสากลเต็มรูปแบบ
“การใช้น้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมแต่เดิมเป็นวิถีชุมชนแบบดั้งเดิม คือ การลงอาบแช่ในบ่อตามธรรมชาติ ที่มีความเชื่อปากต่อปากว่าสามารถป้องกันและรักษาโรคได้ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน และต่อมาทางภาครัฐได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้การอาบแช่มีมาตรฐานมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังมองหาการอาบแช่ที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จุดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) บนพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ โดยนำคุณประโยชน์อันมหาศาลของน้ำพุร้อนเค็มมาต่อยอดประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ ผนวกกับการบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและบำบัดผู้ที่มีปัญหา รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจรักษาสุขภาพและต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายเพิ่มยิ่งขึ้น อีกทั้งการออกแบบองค์ประกอบอื่นๆ ภายในโครงการยังถูกสร้างขึ้นด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อจะรักษาความอุดมสมบูรณ์ และบริหารทรัพย์ในดินให้อยู่เคียงคู่กับชุมชน โดยมีเป้าหมายให้โครงการคลองท่อมเฮอริเทจเป็นเมืองแห่งสุขภาพระดับโลกสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และทำให้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กลายเป็นจุดหมายใหม่ของ World Health Destination”
แนวคิดหลักของโครงการเริ่มจาก DNA คือ Health Community และ Sustainability เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพและสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน โดยเรากำลังพัฒนาการวางผังโครงการ และแบ่งโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนผู้ป่วย โซนคนพึ่งพา โซนคนไม่ต้องพึ่งพา โซนคนวัยเกษียณ หรือโซนคนก่อนเกษียณ โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 10 โซน ได้แก่
1.) Community Market
2.) Hotel
3.) Town Center
4.) Sport Enhancement
5.) Spa Medical
6.) Agriculture
7.) Branded Residences
8.) Resort Residences
9.) Amataya Residence
10.) Amataya Rehabilitation Hospital
ทั้งนี้ ทั้ง 10 โซนนี้จะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 6 เฟส ดังนี้
เฟส 1 ได้แก่ส่วนของ Amataya Wellness ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย คือ Amataya Rehabilitation Hospital / Amataya Holistic Treatment และ Amataya Residence เริ่มเปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับเฟส 2 จะเป็นส่วนของ Community Market / Hotel /Town Center เปิดให้บริการปี 2024
ตามด้วยเฟส 3 คือ Spa Medical เปิดให้บริการปี 2025
เฟส 4 เป็น Branded Residences เปิดให้บริการปี 2026 ส่วน
เฟส 5 จะเป็น Sport Enhancement เปิดให้บริการปี 2027
และเฟส 6 ได้แก่โซน Resort Residences เปิดให้บริการปี 2028 ซึ่งจะเป็นปีเดียวกับที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Phuket Expo 2028 ที่กำหนดให้เป็นงานใหญ่ด้าน
เวลเนสของโลกที่จะมีผู้เข้าร่วมงานมาจากทั่วทุกมุมโลก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 10 โซนและ 6 เฟสนี้ ทางคลองท่อมเฮอริเทจยังยินดีเปิดรับทั้ง Investors และ Operators ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ ความสามารถ และเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทางด้านสุขภาพ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกับเรามาร่วมพัฒนาและปักหมุดให้พื้นที่แห่งนี้มีกิจกรรมรองรับผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้กลายเป็นเมืองสุขภาพระดับโลกไปด้วยกัน
“Amataya Wellness ในเฟส 1 ที่จะเปิดให้บริการกลางปีนี้ถือเป็นหัวรถจักรสำคัญของโครงการคลองท่อม
เฮอริเทจ ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนเค็มอย่างชัดเจนก่อนที่โครงการในเฟสอื่นๆ จะทยอยตามมา เพราะเรามีทั้งโรงพยาบาลกายภาพบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยโรคสโตรก และการให้บริการด้วยการดูแลแบบองค์รวมสำหรับผู้รักสุขภาพโดยใช้น้ำพุร้อนเค็ม อีกทั้งยังมีโครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติมาพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนเค็มทุกหลัง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้คุณได้ทุกวัน โดยเรามีพันธมิตรที่ดีอย่างโรงพยาบาลทีอาร์พีเอช (TRPH) โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ)์ ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง Ishii และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Bangkok Healthcare Service (BHS) เข้ามาช่วยบริหารจัดการในส่วนนี้ เมื่อเปิดให้บริการแล้วผมมั่นใจว่าภาพของ จ.กระบี่ จะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ได้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1 ใน 5 ของโลก มูลค่าตลาดของ Wellness Tourism ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2565 หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง ดังนั้นการส่งเสริมและขยายการท่องเที่ยวในกลุ่มนี้จะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้มีเสถียรภาพ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับนานาชาติได้อย่างแน่นอน