ศ.ดร.เกษม ชูจารุกุล ผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในภาคีเครือข่ายโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่จักรยานยนต์ปลอดภัย เปิดเผยถึงปัจจัยทางถนนที่ทำให้ประเทศไทยครองแชมป์อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เป็นอันดับ 1 ของโลก ว่า จากการสำรวจสภาพถนนในประเทศไทย มากกว่า 1,000 กิโลเมตร พบว่า 3 ใน 4ของถนนในเมืองไทยเป็นถนนที่ไม่ปลอดภัยสำหรับการขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพผิวถนนที่เป็นบ่อ ขรุขระ มีหลุมลึกทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หรือ แม้แต่การออกแบบเรขาคณิตของถนน การเข้าโค้ง การมองเห็น ส่วนใหญ่แล้วเป็นการออกแบบสำหรับรถยนต์มากกว่ารถจักรยานยนต์ ซึ่งมีระยะโค้ง ระยะเบรกแตกต่างจากรถยนต์นั่งธรรมดา
“การออกแบบถนนส่วนใหญ่ มักเป็นการออกแบบให้กับรถยนต์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือ อเมริกา เพราะสัดส่วนปริมาณรถยนต์ในประเทศเหล่านั้นมีจำนวนมากกว่ารถจักรยานยนต์ แต่ในเมืองไทย สัดส่วนของรถจักรยานยนต์มีมากกว่า แต่ไม่มีถนนที่ออกแบบเพื่อรองรับ จึงเป็นเหตุให้กว่าครึ่งของการตายบนท้องถนนมาจากรถจักรยานยนต์” ศ.ดร.เกษม บอกและว่า นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎเกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เช่น การให้รถจักรยานยนต์วิ่งช่องซ้าย ขณะเดียวกัน รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ ก็วิ่งช่องซ้าย เรียกว่ารถใหญ่กับรถเล็กใช้ช่องทางเดียวกัน ทำให้เราได้ยินข่าวบ่อยๆว่า มอร์เตอร์ไซค์พุ่งเข้าใต้ท้องรถสิบล้อ เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP ยังบอกด้วยว่า อีกปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ คือ สิ่งอันตรายข้างทาง เช่น เสาไฟฟ้า ต้นไม้ โดยเฉพาะการขับชนต้นไม้เป็นสาเหตุการตายสูงสุด ขณะที่แบริเออร์ที่ออกแบบไว้ส่วนใหญ่เป็นแนวป้องกันสำหรับรถยนต์มากกว่ารถจักรยานยนต์ ขณะที่ในบางประเทศเริ่มมีการทำแบริเออร์สำหรับรถจักรยานยนต์แล้ว เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมอร์เตอร์ไซค์บนท้องถนน
ศ.ดร.เกษม กล่าวว่า สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ประกาศให้ปี 2564 -2573 เป็นทศวรรษแห่งการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนวาระที่สอง โดยมีเป้าหมายลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงร้อยละ 50 ในรายงานโครงข่ายถนนประเทศไทยปลอดภัย เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน ระบุว่า โครงข่ายถนนที่มีความปลอดภัย ไม่เพียงต่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และโดยสารรถยนต์ แต่ยังช่วยปกป้องผู้ใช้ถนนกลุ่ม “เปราะบาง”คนเดินเท้า ผู้ใช้จักรยาน และจักรยานยนต์ ด้วย ทั้งนี้ หากรัฐบาลลงทุนกับโครงข่ายถนนภายใต้งบประมาณเพียงแค่ 0.1-0.2 % ของจีดีพีในแต่ละปี หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดให้ 75 % ของการเดินทางที่เกิดขึ้นบนถนนมีความปลอดภัย โดยมีถนนที่ผ่านการประเมินในระดับ 3 ดาวหรือสูงกว่าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2573 ที่ในปัจจุบันหากให้คะแนนเป็นดาว 5 ดวง ถนนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับ 1-2 ดาว เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถลดการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ถึงปีละ 7,500 คน