บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ผู้นำด้านการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนประกาศเปิดตัวศูนย์กลางโลจิสติกส์สำหรับฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืนและโซลูชั่นอุตสาหกรรม (Bearings & Industrial Solutions-B&IS) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญด้านกลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคของบริษัท สำหรับพิธีเปิดในครั้งนี้ได้จัดให้มีขึ้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจากนายอัลเฟรด คิท ชอง ลี ประธานฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืนและโซลูชั่นอุตสาหกรรมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญจากประเทศไทยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมงานในครั้งนี้
ด้วยอาคารขนาด 6,000 ตารางเมตรแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานของแชฟฟ์เลอร์ในจังหวัดชลบุรีเพียง 19 กิโลเมตร และจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ สำหรับฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืนและโซลูชั่นอุตสาหกรรมของแชฟฟ์เลอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับศูนย์กลางแห่งใหม่นี้มีพนักงานแชฟฟ์เลอร์เข้าปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานหลักที่สำคัญ และมีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการการวางแผนและควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การปฏิบัติการ และการดูแลด้านคุณภาพสำหรับฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืนและโซลูชั่นอุตสาหกรรม ซึ่งการออกแบบศูนย์กลางแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความคล่องตัวของระบบโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดส่งเพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
นายอัลเฟรด คิท ชอง ลี ประธานฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืน และโซลูชั่นอุตสาหกรรมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า: “การเปิดตัวศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่ในประเทศไทย ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อคุณภาพการบริการ และความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของแชฟฟ์เลอร์ในประเทศไทยจะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเครือข่าย เพิ่มประสิทธิภาพด้านเวลาในการขนส่ง และยกระดับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราทั่วทั้งภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งศูนย์แห่งใหม่นี้ บริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะเข้ามาดูแลกิจกรรมการดำเนินงานในแต่ละวัน ตลอดจนจัดหาชุดเครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงดูแลด้านการรับและการจัดส่งสินค้า ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนความมุ่งมั่นของแชฟฟ์เลอร์ในการปรับขยายองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ยังคงสามารถรักษามาตรฐานด้านการบริการในระดับสูง
นายเดวิด เนวิน ประธานฝ่ายธุรกิจตลับลูกปืนและโซลูชันอุตสาหกรรม ประจำประเทศญี่ปุ่น ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า “ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยที่อยู่ใกล้กับตลาดสำคัญ ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้การส่งมอบสินค้าดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสามารถตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น การจัดตั้งศูนย์กลางแห่งใหม่นี้ยังสอด คล้องกับการให้ความสำคัญกับภาคส่วนและกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญของเรา ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความพร้อมในการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาคส่วนที่มีความต้องการและมีศักยภาพด้านการขยายตัวในระดับสูงสุด”
ศูนย์กลางแห่งใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทยได้รับการออกแบบมาเพื่อ :
– การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย: ปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ ระยะเวลาดำเนินการ และประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดีขึ้นครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
– การดำเนินงานที่ใกล้ชิดตลาดมากขึ้น: ยกระดับการบริการให้ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าในตลาดสำคัญภายในภูมิภาคที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
– การมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนที่มีความสำคัญสูงสุด: การปรับแนวทางให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับภาคส่วนที่กำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น
– การเติบโตและความสามารถในการปรับขยาย: เพิ่มขีดความสามารถและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ความต้องการด้านคลังสินค้า ที่กำลังขยายตัวภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
– การทำงานร่วมกันระหว่างแผนก: การผสานรวมการทำงานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับฝ่ายธุรกิจระบบขับเคลื่อนและแชสซี (Powertrain & Chassis: PTC) และฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions: VLS) ของแชฟฟ์เลอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจร
ด้าน นายชัชวาล ส้มจีน ประธานฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน ประจำประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การรวมศูนย์การดำเนินงานของเราในประเทศไทยจะช่วยกระชับความร่วมมือในธุรกิจต่างๆ ของเรา และเปิดโอกาสให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพการบริการโดยรวมให้กับลูกค้าของเราทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย”
สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ แชฟฟ์เลอร์เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวต่อลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขยายได้ตามต้องการ เพื่อให้พร้อมรองรับการเติบโต ยกระดับคุณภาพการบริการ และเพิ่มความเร็วในการออกสู่ตลาด






