วันที่ 4 ตุลาคม 2566 ได้มีพิธีลงนามในการทำบันทึกความเข้าใจทางวิชาการระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กับ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานตามภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพ โดยยึดประโยชน์ของทั้งสองหน่วยงาน ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการให้บริการแก่ประชาชน โดยมีผู้แทนจากสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) คือ รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. ตัวแทนจาก อพวช. คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการ อพวช. พิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารปฏิบัติการเครื่องโทคาแมค สทน. อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์
ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.)
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ในฐานะเป็นสถาบันในการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างยั่งยืน สนับสนุนให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และการสนับสนุนงานทางด้านวิชาการแก่ภาคส่วนต่างๆ ที่ให้ความสนใจ สทน.และ อพวช. มีความเห็นพ้องกันว่า เพื่อร่วมกันใช้ทรัพยากรและความสามารถดำเนินการตามภารกิจหลักทั้งของ สทน. และ อพวช. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม แก่เยาวชนและประชาชน และร่วมพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยงานทั้งสอง ด้านการศึกษาวิจัย การพัฒนากิจกรรม การจัดการแหล่งเรียนรู้ การถ่ายทอดความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมสิ่งแวดล้อม รวมถึงการร่วมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ของทั้งสองหน่วยงานในการจัดกิจกรรมหรือนิทรรศการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น สทน. และ อพวช. จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจทางวิชาการ โดยกำหนดกรอบและแนวทางความร่วมมือไว้ดังนี้ คือ 1) การศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนวัสดุอุเทศ ข้อมูลทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การศึกษา การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 2) การพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษาวิจัย การจัดแหล่งเรียนรู้/พิพิธภัณฑ์ การสื่อสารทางวิทยาศาสตร์และการผลิตสื่อการเรียนรู้ 3) การจัดกิจกรรม สนับสนุน ส่งเสริมการจัดกิจกรรม/นิทรรศการ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม 4) การพัฒนาและการจัดการแหล่งเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม บันทึกความเข้าใจนี้มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่หน่วยงานทั้งสองลงนามในบันทึกความเข้าใจ
ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์
ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)
ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ กล่าวว่า องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) มีภารกิจในการส่งเสริมสังคมไทยให้เห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อ การพัฒนาประเทศ พร้อมปลูกฝังและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน และประชาชนในสังคมให้มีทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยการจัดแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ผ่านแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้สนุกกับการค้นพบ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์
การสื่อสารวิทยาศาสตร์ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ให้เยาวชนมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบัน อพวช. มีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ และพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า อยู่ภายใน พื้นที่ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นอกจากนี้ อพวช. ยังมีแหล่งเรียนรู้ในระดับภูมิภาคอีก 3 แห่ง ได้แก่ “จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ณ เดอะ สตรีท รัชดา”, “จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. เชียงใหม่” และ “จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. โคราช” ถือเป็นการขยายโอกาสการเรียนรู้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับเยาวชนตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ รายการ Science Delivery และพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง และเร็วๆ นี้จะมี Metaverse เพิ่มขึ้นอีกด้วย
อพวช. ยังมีส่วนร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่มาช่วยผลักดันกิจกรรมในด้านการสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการผนึกกำลังกับหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน และองค์การอิสระต่างๆ เกิดขึ้น เพื่อการสร้างสังคมที่ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ในวันนี้ อพวช. จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่จะร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารและสร้างทัศนคติเชิงบวกกับวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชัน เครื่องโทคาแมค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ที่มีความสำคัญกับ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ
โดยหวังว่าความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเจตนารมย์ตามที่มุ่งหวังไว้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนและประชาชนของประเทศ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศต่อไปตามภารกิจหลักของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสดแก่เยาวชนและประชาชนของประเทศใน อนาคตต่อไป